บันทึกของครู

มือของครู ผู้สร้างหรือผู้ทำลาย

วันนี้ครูแชมป์มีนิทานจะเล่าให้ฟัง เป็นเรื่องราวของชีวิตของนักเรียนที่มีทิศทางเปลี่ยนไปเพราะคนอื่น ซึ่งคนอื่นที่ว่าคือสิ่งมีชีวิตที่เรียกตัวเองว่าครู

นักเรียนคนนี้ในวัยเด็กมีความร่าเริงสดใส กล้าพูด กล้าแสดงความเห็น กล้าคุยกับผู้ใหญ่ที่เป็นคนแปลกหน้า แม้กระทั้งเวลาไปอบรบกันรุ่นพี่หรือรุ่นเดียวกันก็ได้เป็นขวัญใจที่ใครๆต่างก็เรียกหาตลอดกิจกรรม นิทานเรื่องนี้มันน่าจะจบด้วยความสวยงามถ้าไม่ถูกทำลายจากคนบางคน

เมื่อถึงชั้นประถมศึกษาตอนปลาย เด็กหญิงคนนี้ได้ครูประจำชั้นทีเรียกว่าโชคร้ายที่ได้พบเจอ เพื่อนๆในห้องโหวตให้เธอเป็นหัวหน้าห้อง แต่สิ่งที่ครูพูดอยู่บ่อยๆคือ “เธอเป็นหัวหน้าห้องที่ไม่ได้เรื่อง” บางครั้งเธอก็นั่งอยู่เฉยๆ ครูก็ตำหนิว่า “คุยตลอด”

แต่สิ่งที่ทำลายความมั่นใจของเธอมากๆคือ เหตุการณ์ที่มีครูวิชาศิลปะจะนำเธอไปฝึกเพื่อเป็นตัวแทนแข่งขัน ครูประจำชั้นกลับพูดว่า “ไม่รู้จะแข่งไปทำไม ไม่เห็นจะได้รางวัลอะไร” เป็นคำพูดที่ถ้าคนเป็นครูแท้ๆได้ยินก็จะรู้สึกว่าสิ่งมีชีวิตนี้ไม่สมควรเรียกตัวเองว่าครูเลย

ก่อนหน้านี้ตั้งแต่ชั้น ป.1 เป็นต้นมา ฝีมืองานศิลปะของนักเรียนคนนี้อยู่ในระดับที่ดี เพราะกล้ามเนื้อมือที่แข็งแรงจึงทำให้ทุกครั้งที่ประกวดวาดภาพหรือคัดลายมือเธอจะชนะเลิศทุกครั้ง แต่พอถึงประถมปลาย การประกาศผลการแข็งขันวาดภาพเธอได้ที่ 2 โดยมีลูกเจ้าของโรงเรียนได้ที่ 1 ซึ่งเธอก็ยอมรับว่าการประกวดครั้งนี้ยังทำไม่ดีพอเดี๋ยวคราวหน้าแก้ตัวใหม่ แต่ด้วยหนึ่งในกรรมการได้ตรวจสอบข้อมูลอีกครั้งจึงพบว่าการประกาศผลรางวัลผิดโดยเด็กนักเรียนคนนี้ได้ที่ 1 ส่วนลูกเจ้าของโรงเรียนได้ที่ 2 จากการแก้ไขผลการประกวดครั้งนั้นทำให้ลูกเจ้าของโรงเรียนและพวกมาประชดประชัน พูดร้ายให้ โดยที่ไม่มีครูคนไหนกล้าที่จะห้ามปรามสั่งสอน โชคดีที่ในปีถัดมาเจ้าของโรงเรียนได้ย้ายลูกไปเรียนที่อื่นจึงทำให้การเสียดทานลดลง

แม้ว่าจะมีอะไรดีขึ้นมาบ้างแล้ว แต่พฤติกรรมของครูคนนั้นยังเสมอต้นเสมอปลาย แม้ผู้ปกครองจะไปคุยว่าการรับหน้าที่หัวหน้าห้องทำให้ลูกรู้สึกกดดัน เหมือนครูจะเบาลงในช่วงหนึ่งแต่สุดท้ายก็ยังทำกับเด็กเหมือนเดิม ประหนึ่งเป็นเจ้ากรรมนายเวรกันมาแต่ชาติปางไหน ผู้ปกครองอยากจะลดแรงเสียดทานเลยมีความคิดว่าเป็นเพราะไม่เคยนำกระเช้าของขวัญของฝากไปให้ครูตามวาระโอกาสหรือเปล่าจึงทำให้ครูทำแบบนี้กับลูก

เด็กจะเติบโตแบบไหนขึ้นอยู่กับบ้านเป็นส่วนใหญ่โดยมีครูคอยส่งเสริม ทุกคนมีอิทธิพลต่อตัวเด็กทั้งนั้น การกระทำที่บ่งบอกว่าชอบหรือไม่ชอบโดยอคติย่อมเป็นสิ่งที่คนเป็นครูที่ได้รับการเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนจากครอบครัวและฝึกฝนจากสถาบันอุดมศึกษาเลือกที่แสดงออกได้ในทางที่ถูก สิ่งหนึ่งที่ต้องทำเป็นอันดับที่สองรองจากให้ความรักคือ การปราศจากความลำเอียงทั้งลำเอียงเพราะรักหรือลำเอียงเพราะชัง

…เพราะถ้ามีความลำเอียงเกิดขึ้นเมื่อไร ก็อย่าไปเป็นครูให้เสียสถาบันและศักดิ์ศรีแห่งวิชาชีพ

โชคดีขนาดไหนที่คนนี้สอบบรรจุไม่ติดสักที

นิทานจบแล้วจ้า

ครูแชมป์
3 ก.ย. 67