ตะกรุดโสฬสมงคล อ.หนู
กันภัย
ตะกรุดที่สร้างจากตะกั่วเก่าของทางสำนัก บรรจุอักขระยันต์โสฬสมงคล
ยันต์โสฬสมงคล
เป็นยันต์เลข 3 ชั้น ชั้นนอกลงด้วยเลข 16 ตัว
( โสฬสคำนี้แปลว่า 16 ชั้นฟ้า อันมีอินทร์ , พรหม , ยม ,นาค และพระคณาจารย์โบราณ
จะกล่าวพรรณาถึงเมื่อเวลากระทำพิธีบวงสรวง ในการบูชาครูทุก ๆ ครั้ง )
ด้วยสูตรโสฬสรอบกลางลงด้วยเลข 12 ตัว ลงด้วยสูตรตรีนิสิงเห , รอบในลงด้วยเลข 6 ตัว
, ลงด้วยสูตรจตุโร แล้วทำการลงอักขระเพื่อล้อมรอบยันต์ทั้ง 4 ด้านด้วยพระคาถาบารมี
30 ทัศน์ ส่วนพระยันต์ไตรสรณาคม ประทับหลัง เมื่อม้วนแล้วยันต์จะอยู่ด้านนอก
ล้อมด้วยอิติปิโส ฯลฯ ภควาติ ลงด้วยสูตรรัตนมาลัยเป็นตาม้าหมากรุกโดยรอบ
( พระยันต์นี้แม้แต่สมเด็จพระสังฆราชแพ วัดสุทัศน์ กรุงเทพฯ
ผู้เจนจบในพระยันต์ร้อยแปด
ทรงพิจารณาแล้วเห็นว่ายันต์โสฬสมงคลเป็นยันต์อันวิเศษสุดกว่ายันต์ทั้งปวง
พระองค์ได้นำไปประทับในพระอุโบสถของวัดสุทัศน์ฯ
และเขียนสอดใส่ไว้ใต้หมอนหนุนศรีษะตลอดเวลา จนกระทั่งมรณะภาพเมื่อปี พ.ศ. 2487
จึงได้พบแผ่นยันต์นี้ )
เรื่องราวโสฬสมงคลธรรมนั้นเกิดขึ้นเมื่อครั้งท้าวปรนิมมิตวสวัตดีมาร
ได้พ่ายแพ้แก่พระพุทธองค์
กระทั่งพิณประจำพระองค์หล่นตกแล้วท้าวสักกะเทวราชนำไปมอบให้ปัญจสิงขรคนธรรพ์เทวบุตรนั้น
ตำนานชาวพุทธที่ได้บันทึกเรื่องราวในปฐมสมโพธิกถานั้นได้บันทึกต่อว่าท้าวพระยามาราธิราชได้นั่งขีดแผ่นศิลา
(ปถวี) เทียบบารมีระหว่างตนกับพุทธองค์ (พระสิทธัตถะบรมโพธิสัตว์) อยู่
ก็พบว่าอันความรู้ที่พระบรมโพธิสัตว์สิทธัตถะทรงมีมากกว่าฝ่ายตนอยู่ถึง 16
ประการทีเดียวอันเป็นเหตุให้ พระยามาราธิราชและฝ่ายเสนามารพ่ายแพ้อย่างยับเยิน
โดยดุษฎีไม่ว่าด้วยเหตุผลปกติ ไร้เหตุผลและเหนือเหตุผลอันปกตินั้นก็ตาม โสฬสมงคล
อันเป็นความรู้ที่เหนือกว่าวิชาฝ่ายมารในทุกกระบวนที่บันทึกไว้นั้นก็คือทานบารมี ,
ศีลบารมี , เนกขัมบารมี , ปัญญาบารมี , วิริยะบารมี , ขันติบารมี , สัจจบารมี ,
อธิษฐานบารมี , อุเบกขาบารมี (คือบารมีสิบตามสิบศูนย์ที่กล่าวข้างต้นที่หลอมรวมเป็นเครื่องหยั่งรู้
ญาณ , อินทรียปโรปริยัติญาณ คือความรู้เรื่องธาตุอินทรีย์
ที่มีระดับแตกต่างกันของสัตว์ทั้งหลาย , สยานุสยญาณ ความรู้เรื่องโครงสร้างของกำเลศ
ที่ปรากฏในสันดานสัตว์ทั้งหลาย , มหากรุณาสมาบัติญาณ ความรู้การเข้าสมาบัติ
โดยอานุภาพมหากรุณาใหญ่ , ยมกปาฏิหาริยญาณ
ความรู้ในปาฏิหาริย์แห่งธาตุที่มีสมบัติคู่ตรงกันข้าม , อนาวรณญญาณ
ความรู้ในธรรมที่อยู่นอกพ้นกิเลส , สัพพัญญุตญาณ
ความรู้ในธรรมทั้งปวงได้อย่างไม่มีขอบเขตจำกัด
หกประการหลังที่เป็นการรวบยอดความรู้อย่างพิเศษ
นี้เองคือ อสาธารณญาณ เป็นเรื่องเฉพาะ
ในองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นไม่ปรากฏในพระสาวกใหญ่ น้อยทั้งหลาย
ซึ่งเกิดจากความรู้อย่างถ่องแท้ในบารมีทั้งสิบ ทั้งสินในประการสุดท้ายที่เกิด สัพพัญญุตาญาณ
นี่เองที่กล่าวมาข้างต้นว่าหากสำเร็จโสฒส คือผู้แจ้งโลก กระบวนความรู้
ในศาสตร์โสฬสได้ถูกนำมาสังเคราะห์ใช้ประโยชน์ในเรื่องราวต่าง ๆ
อย่างการถอดสมการของโลกธาตุที่แทนค่าความสัมพันธ์ของสรรพสิ่งอย่างระบบตัวเลขที่มีความเกี่ยวพันกันจากจำนวนหนึ่งไปสู่จำนวนหนึ่งเป็นสหสัมพันธ์สมุทฐาน
แบบวิธีการอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างสรรพสิ่งด้วยปรัชญา หนึ่งคือทั้งหมดและทั้งหมดก็คือหนึ่ง
ความสัมพันธ์ของตัวเลข ก็จะเป็นแบบ การผสมผสานของสหธาตุธรรม ดิน-น้ำ-ลม-ไฟ
ที่มีความแก่อ่อน ในลักษณะธาตุธรรมที่แตกต่างกันออกไป โดยจะเกิดร่วมกันเสมอ
จะขาดธาตุใดมิได้ การกำหนดการคิด สะระตะโสฬส จึงเริ่มจากจำนวนสิบ
ที่มีฐานในการวางตัวเลขต่างออกเป็นสี่ เขต (ทวีป)
จนเกิดตารางโสฬสที่เป็นการจัดวางตัวเลขในอัตราต่าง ๆ อย่างสมดุลโดยตัวเลข 1-2-3-4
นั้นก็มีอัตราผลรวมเท่ากับ 10 เป็นเลขประธาน (รายละเอียดของการแจกแจงตัวเลข 1-2-3-4
เป็นตารางโสฬส 2 3 4 1 ผู้ใดคิดถึง ลุ ซึ่งโสดา ถ้าคิดมิได้ ให้เอาที่แร้งกับกา
หนีที่คว่ำ ให้เอาที่หงาย หนีที่ตายให้เอาที่เป็น ผู้ใดคิด 6 เห็น ได้ทองทุกวันดังนี้จะเห็นว่าเลข
6 นี้ก็เป็นรหัสหรือกุญแจสำคัญตัวหนึ่งในการไขปริศนาโสฬส
บางโบราณาจารย์ท่านเรียกว่า คือ กุญแจทอง ทั้งนี้ต้องอาศัยหลัก 2-3-4-1
เมื่อรวมกันเท่ากับ 10 และ 1+0 ก็เท่ากับ 1
เหล่านี้คือรหัสเลขกลที่ปัจจุบันมีความรู้ที่เรียกว่า เลขศาสตร์
ที่มีการนำมาไขปริศนาเหตุการณ์ต่าง ๆ
ในปัจจุบันได้ถูกต้องอย่างน่าประหลาดใจสำหรับตัวเลข 6 ที่ว่าเป็นปริศนา
ในการไขเรื่องราวต่าง ๆ นั้นก็ มีการตีความปริศนา เลขทั้ง 9 ตัวไว้ เทียบกับจำนวน 6
พออภิปรายเทียบเคียงตาม กฎพระไตรลักษณ์ได้ดังนี้
ทุกขัง คือ 1+2+3=6 อนิจจัง คือ 4+5+6 = 15 คือ 1+5 = 6 อนัตตา คือ 7+8+9 = 24 คือ
2+4 = 6
ซึ่งเอาแค่ 1+2+3+4 = 10 เท่ากับหนึ่งเป็นกลให้นับเวียนไป อย่าทิ้ง 1 ถึง 9
การแจกแจงเลขกลบทดังกล่าวทำให้เกิดความเข้าใจความสัมพันธ์
ของธาตุทั้งมวลที่ปรากฏขึ้นในโลกและอาศัยควรามรู้ในความสัมพันธ์ต่าง
ๆ นั้นบริหารธาตุธรรมเหล่านั้นให้เป็นไปตามปรารถนา
โดยการหยั่งรู้คำนวณธาตุเหล่านั้นก็จะทราบอดีต (ก่อนมีมาในสถานะที่ปรากฏนั้น)
การดำรงอยู่ในปัจจุบัน (สถานะที่ธาตุธรรมนั้นดำรงอยู่หรือการคงสภาวะอยู่)
อนาคต (สิ่งที่ธาตุธรรมนั้นกำลังดำเนินวิถีที่ตนเองเปลี่ยนแปลงไปยังสถานะอื่นอีก)
บางความเชื่อกล่าวว่า ผู้ที่สักยันต์นี้
บางครั้งก็อาจได้ยินเสียงแปลกๆ เวลาเดินผ่านศาลพระภูมิ
จึงเชื่อกันว่าพระภูมิอาจลุกขึ้นมาทำความเคารพยันต์นี้
แต่ก็ต้องประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นคนดี รักษาศีล
ทำสมาธิเป็นประจำ จึงจะเกิดสิ่งดีๆขึ้นกับตัวเรา

ข้อมูลจำเพาะ |
|
ขนาด |
ยาวประมาณ 4 นิ้ว |
สี |
ตะกั่ว |
อื่นๆ |
โค๊ดสำนัก |
ราคาบูชา |
1,000 บาท
(ช่วยค่าจัดส่งเพิ่มอีกครั้งละ
100
บาทครับ) |
วัตถุมงคลชิ้นนี้
ท่านสามารถบูชาด้วยตนเองที่สำนักฯ(คลิกดูแผนที่และเบอร์โทรได้ที่เมนูทางซ้ายมือด้านบน)
สำหรับท่านที่ไม่สะดวกมาบูชาที่สำนัก
สามารถโอนเงินเข้าบัญชี พัศพงศ์ วิจิตรพงษ์ ธนาคารไทยณิชย์
0259
สาขา อุดมสุข (ซอยสุขุมวิท 103) เลขที่ 259-204126-3
จากนั้น
fax สำเนาการโอน มาที่
(02-748-8004)
สอบถามข้อมูล/สถานะ
fax
คุณอ้อ
080 - 860 - 9968
หรือดูวิธีการชำระเงิน
คลิกเลย!!
ท่านอ.หนู กันภัย
ฝากเน้นย้ำให้กับทุกท่านที่ร่วมบูชาวัตถุมงคลทุกชนิด ทุกช่องทางว่า
"การบูชาวัตถุมงคลนั้น นอกจากความเชื่อมั่นและศรัทธาแล้ว
ยังต้องปฏิบัติตามข้อถือของสำนัก คือ
ห้ามผิดลูกเมียใคร
ห้ามดุด่าว่ากล่าวทำให้พ่อแม่เสียใจ ห้ามด่าว่าพ่อแม่คนอื่นๆ
ที่สำคัญต้องสวดมนต์ทุกวัน ทำสมาธิทุกวัน แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์
หากมีโอกาสก็ทำบุญตามสะดวก และอย่าเนรคุณใครเขา เนรคุณแผ่นดิน
ฝากลูกบุญธรรมเน้นย้ำเรื่องนี้ให้มากกว่าอิทธิปาฏิหาริย์นะ..."
วัตถุมงคลใดก็ตาม
จะศักดิ์สิทธิ์ หากเชื่อมั่น ศรัทธา ทำตามข้อถือ ไม่ลองของ
ที่สำคัญ
ต้องสวดมนต์ไหว้พระทุกวัน หากทำได้จะเจริญ บางท่านบูชาไปแต่ยังด่าว่าพ่อแม่
ยังรักษาศีลไม่ได้ ของที่มีจะขลังได้อย่างไรกัน... |
เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ควรใช้วิจารณญาน
รายการวัตถุมงคล
ท่านอาจารย์หนู กันภัย
::
รายการวัตถุมงคลมาใหม่ :: |
|
|