พระเครื่อง พระเกจิ วัตถุมงคล

ประวัติหลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร (ตอนที่ 3)

หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม (วัดบ้านแค) เป็นเกจิอาจารย์ที่มีลูกศิษย์นับถือมากมาย มีผู้พยายามเขียนประวัติ และรวบรวมวัตถุมงคลของท่านมากมาย ซึ่งราคาบูชาค่อนข้างสูง

อย่างไรก็ตามวัตถุประสงค์หลักที่ครูบาอาจารย์ได้จัดสร้างขึ้นนั้น ล้วนต้องการให้เป็นพุทธานุสติ ให้มีศีล มีคุณธรรมเป็นที่ยึดเหนี่ยวยามที่ได้เห็น ได้สัมผัสวัตถุมงคล

ประวัติหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ผมได้ศึกษาจากอินเทอร์เน็ต (www.watkositaram.com) ซึ่งก็ต้องขออนุญาตเผยแพร่ ณ ที่นี้ และท่านผู้อ่านสามารถศึกษาเพิ่มเติมที่เว็บดังกล่าวได้


ในวันที่ ๑๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๒ พระกวยได้มาเรียนปริยัติธรรม เพื่อให้เจริญใน ศาสนา ได้มาอยู่วัดวังขรณ์ ๒ พรรษา ต.โพธิ์ชนไก่ พรรษาต่อมาได้เรียนธรรมโท แต่พอสอบได้เป็นไข้ไม่สบายเลยไม่ได้สอบ จึงมาคิดได้ว่าปริยัติธรรมก็เรียนมาพอสมควร จึงอยากจะเรียนวิปัสสนากรรมฐานและอาคมตลอดจนวิธีทำเครื่องรางของขลัง จึงได้เดินทางไปเรียนวิชากับหลวงพ่อศรี วิริยะโสภิต แห่งวัดพระปรางค์ จ.สิงห์บุรี หลวงพ่อศรีองค์นี้เชี่ยวขาญในวิปัสสนา กรรมฐานมาก เก่งที่สุดในจังหวัดสิงห์บุรี ขณะนั้นหลวงพ่อได้เรียนวิชาทำแหวนนิ้ว ซึ่งแหวนนิ้วของหลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์ ใต้ท้องวงจะตอกตัวขอมอ่านว่าอิติ ของหลวงพ่อก็เช่นกันและได้เรียนวิชาอีกหลายอย่าง ได้จำพรรษาอยู่วัดหนองตาแก้ว ต.โคกช้าง อ.เดิมบาง จ.สุพรรณบุรี ที่วัดตาแก้วนี้ หลวงพ่อได้ปลูกต้นสมอไว้ ๑ ต้น ปัจจุบันยังอยู่ หลวงตาสมาน เคยไปอยู่วัด หนองตาแก้ว ได้นำไก่แจ้เอาไปนอนบนต้นสมอ ปรากฏว่าไก่ไม่ยอมนอน ไม่ทราบว่าหลวงพ่อได้ลงวิชาอะไรไว้ ทั้ง ๆ ที่หลวงพ่อ เพิ่งอายุ ๒๘ ปี พรรษาได้ ๘ พรรษา แสดงว่าหลวงพ่อเป็นผู้มีอาคมตั้งแต่ยังเป็นพระหนุ่ม ได้จำพรรษาที่วัดหนองตาแก้ว ๑ พรรษา ในวันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ได้มาจำพรรษาที่วัดหนองแขม ต.ดงคอน อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท อีก ๑ พรรษา ได้เรียน แพทย์แผนโบราณต่อกับโยมป่วน บ้านหนองแขม และเรียนแพทย์แผนโบราณต่อกับหมอใย บ้านบางน้ำพระในขณะที่พักจำ พรรษาที่วัดหนองแขม ไก้มีเพื่อนภิกษุชื่อ แจ่ม ได้เดินทางท่องเที่ยวไปพบตำราเป็นสมุดข่อยอยู่ในโพรงไม้ แต่เอามาไม่ได้ เพราะตำรานั้นมีอาถรรพณ์แรงมาก คล้ายมีเทพและเทวดารักษา จึงได้มาชักชวนพระกวยให้ไปดู ปรากฏว่ามีตำราอยู่โพรงไม้จริง มีรอยคนเอาพวงมาลัยดอกไม้ ธูปเทียนมาบูชา ใต้โคนไม้ พระภิกษุ กวย จึงได้จุดธูปบอกเล่าและอธฐานว่า “ถ้าจะให้ข้าพเจ้าเอา ตำรานี้ไปเก็บรักษาไว้ ขอธูปที่จุดนี้ให้ไหม้ให้หมดดอก” แต่ปรากฏว่าธูปได้ไหม้ไม่หมด พระภิกษุกวยจึงได้เสี่ยงสัตย์อธิษฐานขึ้น มาใหม่ว่า “ถ้าหากว่าท่านจะให้ตำรานี้ให้ข้าพเจ้าเอาไปเก็บรักษาไว้ ข้าพเจ้าจะนำเอาตำรานี้ไปทำประโยชน์แก่วัดและช่วยเหลือ ประชาชนเท่านั้น” แล้วก็จุดธูปขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายปรากฏว่าธูปได้ไหม้หมดทั้ง ๓ ดอก หลวงพ่อจึงได้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ เจ้าของตำราและอัญเชิญเอาตำรานั้นมาเก็บไว้ ต่อมามีคนร่ำลือกันว่ามีคน ๆ หนึ่งได้นำตำราชุดนี้มาเก็บไว้ในบ้าน ได้เกิดเหตุวิบัติ เจ็บไข้ล้มตาย จึงเอาตำราชุดนี้มาทิ้งไว้ดังกล่าว พระภิกษุกวย เมื่อได้ข่าวดังนั้นก็มาเปิดตำราดูก็ปรากฏว่ามีลายลักษณ์อักษรบอก ไว้ในตำราว่า ตำรานี้ห้ามเอาไปไว้บ้านใคร ๆ ทั้งสิ้น มิฉะนั้นจะฉิบหาย พระภิกษุกวยจึงได้ศึกษาตำรายันต์และคาถาจากตำราเล่ม นี้ ปัจจุบันตำราเล่มนี้ยังอยู่ที่วัด หน้าปกเขียนว่าครูแรงด้วยสีแดง ปกติไม่มีใครกล้าหยิบต้อง ผู้เขียนเคยขอร้องให้ท่านอาจารย์ สำรวย เจ้าอาวาสหยิบมาให้ดู ๑ ครั้ง ผมได้จุดธูปบอกเล่าหลวงพ่อ และเจ้าของตำราขอสมาโทษ ได้ขอสมาต่อหลวงพ่อว่า “ผมไอ้ ครู ศิษย์คนเล็กของหลวงพ่อ ตอนหลวงพ่อมีชีวิตอยู่ ผมไม่กล้าที่จะล่วงเกินหลวงพ่อแม้แต่น้อย เคารพหลวงพ่อดุจบิดา แต่วันนี้ อาจเอื้อมเปิดตำราของหลวงพ่อ เปรียบเสมือนครูบาอาจารย์ของหลวงพ่อ ขอหลวงพ่อจงอย่าได้ถือโกรธ หากพระมนต์บทใด หลวงพ่อจะให้ขอให้ผมจำได้เพียงท่องแค่ ๓ ครั้ง” ผมได้เปิดตำราดู ใจตำรามีพระมนต์และยันต์ต่าง ๆ มากมายหลายร้อยยันต์ เป็นยันต์กันอาวุธ, กันกระทำ, กันคุณ, กันของ คาถาก็มีมากมายหลายบท เป็นภาษาของคนโบราณแต่มีบทหนึ่งเขียนไว้ว่า พระมนต์พระพทธเจ้าชนะมาร ใช้เรียกนางแม่ธรณี ใช้ทำน้ำมนต์ ฆราวาสห้ามเรียน ในพระมนต์นี้ได้เจียนถึงการใช้มนต์ใจทาง ที่ดี และใช้ไปใจทางที่ร้าย คือมนต์ดพ ผมเลยตัดสินใจอธิษฐานขอเรียนท่องเพียง ๒ ครั้ง ก็จำได้แล้วปิดตำรามอบคืนให้ท่าน อาจารย์สำรวย เรื่องตำรายันต์ที่หลวงพ่อคัดลอกและเรียนมานี้ ปัจจุบันอยู่ที่อาจารย์เหวียน มณีนัน คนทำทอง ต.ปากน้ำ อ.เดิมบาง จ.สุพรรณบุรี ๑ เล่ม เก็บรักษาอยู่ที่วัดท่าทอง แขวนไว้ในกุฎิไม่มีใครกล้ายุ่ง อยู่ที่อาจารย์ตั้ว ๑ เล่ม อยู่ที่อาจารย์แสวง วัดหนอง อีดุก อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ๑ เล่ม ส่วนที่วัดมีหลายเล่ม มีอยู่เล่มหนึ่งเป็นตำราภาษาไทย มองดูก็ธรรมดา หลวงพ่อห่อปกไว้ อย่าวงดี ใส่พานไว้บูชาหน้าปกเขียนว่า ทางมรรคผล ลายแทงนิพพานเขียนโดยหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ รับหนังสือไว้ พ.ศ. ๒๕๐๒ ปีนั้นหลวงพ่อสดมรณภาพแล้ว ตำรานี้ปัจจุบันยังอยู่ใจพาน หน้าโต๊ะหมู่ท่าน กรุณาอย่าไปแตะต้อง บางคนกลับไปบ้าน ไม่สบายเพ้อคลั่งปวดหัวก็มี เข้าใจว่าหลวงพ่อได้ศึกษาตำราเล่มนี้ในบั้นปลายของชีวิต